เริ่มแรกของการเรียนวันนี้ อาจารย์ได้อธิยายถึงลักษณะการสอนให้ฟังว่ามีอยู่ 2 แบบหลักๆคือ แบบ inductive และแบบ deductive โดยแบบแรกเป็นการให้ความรู้ก่อนแล้วลองปฏิบัติทีหลัง ส่วนแบบหลังเป็นการให้ปฏิบัติแล้วค่อยบรรยาย ทั้ง 2 แบบนั้นไม่มีอะไรดีกว่ากัน แต่เหมาะกับผู้เรียนและธรรมชาติของสิ่งที่สอนที่ต่างกันออกไป และที่อาจารย์เน้นมากก็คือจะใช้ ICT มาช่วยในการสอนทั้ง 2 รูปแบบนี้ได้อย่างไร ซึ่ง ICT ก็มีหลายแบบให้เลือกใช้
อย่างในวิชานี้ก็ได้สัมผัสมาหลายรูปแบบ จากขั้นเริ่มต้นที่สุดก็คือการใช้ maxlearn แล้วตามด้วย web 1.0 ของpirunweb (ตรงนี้เป็นเบื้องต้นของการฝึกออกแบบหน้าเว็บและเรียนการเขียนคำสั่งซึ่งมีรายละเอียดมากมายจนอดแปลกใมจไม่ได้ว่านี่คือพื้นฐานจริงหรือ) จากนั้นก็เรียนการทำblog, wix และ facebook สิ่งที่เรียนมานี้ทำให้เห็นความหลากหลายของเทคโนโลยีและรูปแบบพัฒนาการของการเรียนการสอนด้วย ICT ในอนาคตข้างหน้า
วันนี้เน้นปฎิบัติมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีทั้งการทำ wix, การแต่ง blogและการทำ pirunweb ให้สมบูรณ์ สำหรับwix ที่ทำสมบูรณ์สามารถเข้าไปดูของผมได้ที่ www.wix.com/thassanant_u/eport661 แต่กว่าจะใช้งานได้ตามปกติก็ผ่านอุปสรรคมามากเช่น เครื่องค้างบ้าง, ต้องปิด-เปิดใหม่บ้าง, wix ไม่สามารถใส่รหัสผ่านได้บ้าง ในกรณีหลังสุดนี่มักจะเป็นบ่อยแม้แต่ของเพื่อนๆก็เป็นกันเยอะ จึงทำให้การเรียนในวันนี้ค่อนข้างสะดุดพอสมควร ฉะนั้นที่ผมตามอาจารย์ไม่ทันก็เพราะเรื่องแบบนี้ครับ คนพร้อมแต่เครื่องไม่พร้อมอะไรๆก็เลยติดๆขัดๆ
อีกเรื่องหนึ่งคือการวิพากษ์โครงการที่ทำกันมา กรณีของผมใช้ facebook มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนการสอนแต่ขณะที่ของเพื่อนๆใช้วิธีการเขียน web กัน จะมีเหมือนผมจริงๆก็มีแต่อาจารย์กุณฑลี รายนั้นเขาใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์โรงเรียน ดังนั้นสิ่งต้องแก้ของผมจึงไม่เหมือนเพื่อนๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากธรรมชาติวิชาของผมที่สอนภาษาอังกฤษโดยเน้นที่การเขียนเชิงโต้แย้ง อย่างที่สองก็คือรูปแบบของfacebook ซึ่งมีรูปแบบที่ตายตัว สามารถเติมแต่งapplication ได้แต่ก็ไม่ได้เป็นในแนวที่ทำเพื่อการศึกษาเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นweb จะเขียนอะไร จะใส่เนื้อหาอะไรก็ทำได้อย่างอิสระและให้อิสระทางความคิดค่อนข้างมาก แต่facebook ก็ให้อิสระทางความคิดในการเลือกมาประยุกต์ใช้เช่นกันเพียงแต่ต้องอาศัยการรู้จักพลิกแพลงมากอยู่สักหน่อย ลักษณะของ facebook ที่นำมาใช้นี้มีข้อดีตรงที่ว่าถ้าdesign ลงตัวแล้ว งานจบก็คือจบ ทุกอย่างเข้าล็อคตามนั้น เพราะapplication ต่างๆเขาคิดมาให้แล้ว เราแค่ดูข้อมูลที่มีอย่างเดียวว่าจะใส่ลงตรงไหนถึงจะเป็นที่ที่เหมาะที่สุด แต่ถ้าเป็นการเขียน web นั้น เราต้องตีกรอบความคิดเราให้ชัดก่อน บางทีมีข้อมูลมากเกินไปแล้วเอามาใส่ทั้งหมดก็จะดูว่าเนื้อหาฟุ้งไปหมด และด้วยความที่เป็น web รูปแบบจึงมาแบบเปล่าๆโล่งๆให้เราคิดเองว่าจะใส่อะไรลงใน platform (ที่คิดขึ้นเอง) แบบไหน
ข้อคิดอีกอย่างที่ได้จากอาจารย์คือเรื่องของการอ้างอิงresource ออนไลน์ในการทำวิจัย โดยมากแล้วในถ้าเจอข้อมูลที่เป็น secondary source ก็ควรหาข้อมูลที่เป็น primary source ดีกว่าเพราะว่าจะได้ป้องกันการอ้างมาผิดๆหรือการบิดเบือนข้อมูล ที่สำคัญไม่ใช่ว่าเอามาแต่website อย่างเดียว ต้องมีชื่อ-สกุลและปีด้วย เพื่อความน่าเชื่อถือหรือแม้แต่สิ่งที่เราจะอ้างก็ต้องมีส่วนประกอบให้ครบตามนี้ ในกรณีที่ต้องอ้าง wiki ต้องบอกวันเดือนปีที่อ่านด้วย เพราะข้อมูลตรงนี้ไม่นิ่ง มีข้อมูลใหม่เข้ามาทีก็เปลี่ยนที
ความคิดเห็นที่มีต่อการเรียน
คิดว่าวันนี้หนักเอาการอยู่ทั้งการฝึกปฏิบัติในห้องและการแก้โครงการ แต่ด้วยความที่อาจารย์ทุ่มเทก็เลยรู้สึกว่าแม้จะหนักแต่ก็ยังมีอาจารย์คอยช่วยให้คำแนะนำอยู่ ที่สำคัญวิชานี้ได้ทำให้ผมเห็นอนาคตของแนวการเรียนการสอนชัดเจนขึ้นว่าจะเปลี่ยนไปทางไหนและต้องทำอย่างไรถึงจะจับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ทัน การมีความรู้เรื่องการประยุกต์ใช้ ICT นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยให้การสอนมีความสะดวกสบายมากขึ้นและการเรียนก็เอื้อต่อการแสวงหาความรู้ได้กว้างขวางขึ้น ยกตัวอย่างเช่นจากเมื่อก่อนที่เวลาจะทำงานส่งอาจารย์ทีก็ต้องนัดวัน นัดเวลา แล้วก็มารอถึงจะได้คุย แต่สมัยนี้แค่มีอีเมล์ก็ติดต่อกันได้ง่ายๆแล้ว ถ้ากลัวว่าอาจารย์หรือลูกศิษย์ไม่ได้เปิดเมล์ก็มี facebook มาให้ใช้กัน เพราะสื่อกันทาง facebook ในเมล์ก็ต้องเจอเหมือนกัน นี่เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงระดับธรรมดาๆเท่านั้น แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่านั้น สังเกตดูจากข่าวจะเห็นว่าจะมีการแจก tablet PC ให้นักเรียนด้วยซ้ำไป นี่จึงทำให้เห็นแนวโน้มกลายๆแล้วว่าในไม่ช้าการเรียนการสอนต้องปรับให้เข้ากับเทคโนโลยีเป็นแน่ และหลักสูตรคงต้องปรับตัวตามขนานใหญ่เลยทีเดียวซึ่งแค่ tqf ก็ทำเอาอาจารย์มหาวิทยาลัยเหนื่อยไปตามๆกันอยู่แล้ว ในอนาคตสงสัยจะต้องมารื้อ tqf กันอีกตามเคย