Week5

My Journal Week 5 - August 7, 2011

วันนี้ได้ฝึกการทำ storyboard โดยใช้ powerpoint ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นความรู้ใหม่เลยก็ว่าได้ และเพิ่งจะมารู้จักการทำโครงการ ICT ว่าต้องมีกระบวนนี้ด้วย แรกๆก็คิดว่ายากและรายละเอียดเยอะ ไหนจะมีทั้งเอากล่องข้อความมาวางแล้วต้องเชื่อมโยงแล้วไหนจะใส่ปุ่มใส่ link ซึ่งเรียนในห้องก็ตามอาจารย์ทันอยู่แต่ก็ตามแบบงงๆว่าแล้วของเราที่เป็น facebook จะปรับเปลี่ยนอย่างไรให้ดูดี เพราะตัวอย่างที่อาจารย์เอามาลองทำดูเป็นของพระอาจารย์ที่ใช้วิธีทำ web สำหรับผมเองนั้นก็ต้องมาแก้โครงสร้างต้นแบบในเอกสารโครงการให้ถูกเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางเนื้อหาและหัวข้อให้สอดคล้องกับ platform ของ facebook พอได้คำแนะนำจากอาจารย์ก็รู้สึกว่าทุกอย่างดูง่ายขึ้นเยอะและก็ลองทำดูก็ยิ่งเกิดความคิดต่อยอดขึ้นไปอีกว่าจะใส่เนื้อหาและวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสมกับทั้งการพัฒนาผู้เรียนและplatform ของ facebook ที่มาในรูป application ต่างๆได้อย่างไร สิ่งเหล่าต้องความคิดสร้างสรรค์และการรู้จักพลิกแพลงอย่างมากที่จะใช้เครื่องมือที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อการศึกษาให้ลงตัวกับการศึกษา
สำหรับการบรรยายของอาจารย์วันนี้ก็ว่าด้วยเรื่องของ hypermedia ซึ่งใช้กันมากในปัจจุบันแต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ามันคืออะไร จริงๆมันก็คือ multimedia นั่นเองที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ทั่วๆไป แต่พอเอามาขึ้นอินเตอร์เน็ตก็เลยเรียกว่า hypermedia เพราะโดยความหมายของ hyper นั่นเองซึ่งก็คงจะบอกเป็นนัยๆว่า hi-performance ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นที่มาว่าสื่อประเภทนั้นต้องใช้พื้นที่เยอะและความเร็วมากถึงจะใช้งานได้
ข้อคิดต่อไปก็คือถ้าจะสร้าง web เพื่อการศึกษาต้องระวังไว้ว่าธรรมชาติของผู้เรียนไม่ได้เรียนแบบเป็นขั้นตอน(linear) เสมอไป เพราะพออยู่ในโลกออนไลน์ ผู้เรียนจะเลือกเรียนอะไรก่อนก็ได้ตามความสนใจที่อยากจะเรียนรู้ อาจจะเป็นเรื่องยากๆก่อนแล้วสนใจเรื่องง่ายๆหรืออาจจะเป็นเรื่องไกลตัวก่อนแล้วเรื่องใกล้ตัวเอาไว้ทีหลังก็ยังได้ ดังนั้นอย่าออกแบบอะไรที่เป็นขั้นตอนตายตัว ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือชื่อที่เอามาตั้งเมนูต้องสั้นๆง่ายๆและเข้าใจได้เร็วรวมถึงตัวเมนูต่างๆเองต้องเป็นแบบtransparent หรือเป็นข้อมูลชั้นเดียวเพื่อความง่ายในการใช้งาน ที่ว่าtransparent นั้นหมายถึงว่าต่อให้เข้าเมนูอื่นๆแล้วก็ต้องเห็นเมนูเริ่มแรกอยู่ ผู้ใช้จะได้รู้ว่าขณะนี้อยู่ในหมวดไหน  
ในวันนี้ อาจารย์ได้สรุปให้ฟังว่าองค์ความรู้ที่ได้จากวิชานี้ก็คือการรู้จักเลือกใช้ ICT ให้เหมาะกับการทำงานของเราเอง แม้เราจะไม่ได้เก่งICT เหมือนอย่างนักเทคโนโลยี แต่อย่างน้อยเราก็มีความรู้แล้วว่างานแบบไหนจะใช้เทคโนโลยีแบบไหนจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เวลาสอนหนังสือจะได้ทำสื่อดีๆเป็นและเวลาสั่งงานจะได้สั่งได้ถูกและแนะนำคนอื่นได้ถูกทาง
ความคิดเห็นที่มีต่อการเรียน
จากการที่วันนี้ได้ข้อคิดเรื่องการแก้ไขโครงการและstoryboard ก็สามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรยากถ้าเราเข้าใจสิ่งที่จะทำอย่างถ่องแท้ทั้งจากการเรียนจากผู้รู้และการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ทีแรกที่อาจารย์ให้คำแนะนำและยังมองภาพรวมของโครงการยังไม่ได้อย่างอาจารย์นั้น ในใจก็คิดว่ารู้อย่างนี้ทำเหมือนเพื่อนๆดีกว่า เพราะแก้ไขก็แก้เหมือนๆกันหมด แต่พอคิดใหม่อีกทีก็คิดว่าน่าจะลองเสี่ยงดูเพราะอยากรู้ว่าการนำสิ่ง 2 สิ่งที่ไม่น่าจะเอื้อต่อกันและกันอย่าง 100% มารวมกันให้ได้นั้น ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆก็ไม่เสียเวลาเปล่าที่ได้เรียนวิชานี้ กว่าจะได้รับอนุมัติให้เรียนต่อก็ยากพออยู่แล้วและไหนๆก็เรียน ICT แล้ว งานนี้ต้องเก็บเกี่ยวความรู้ให้มากที่สุดและก็จะขอลองอะไรแปลกๆดูสักที เรียกได้ว่าทำเพราะความอยากรู้ของตัวเอง แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าผิดพลาดก็มีอาจารย์ที่รู้จริงคอยอบรมสั่งสอนอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่ชีวิตจริงที่ต้องอยู่ต่อหน้านักศึกษาที่เชื่อถือในตัวเราและเราจะผิดพลาดไม่ได้เดี๋ยวกลัวเสียฟอร์ม จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ชอบเสี่ยงแต่ต้องเสี่ยงแล้วต้องได้ประโยชน์และช่วยให้ผมพัฒนาขึ้นจากความรู้ใหม่ๆ

สิ่งที่ผมเรียนรู้จากอาจารย์ไม่ใช่แค่ใช้คอมฯได้เก่งขึ้น แต่ผมได้ซึมซับความเป็นครูที่ดีจากอาจารย์ด้วย แม้อาจารย์จะเสียงดุแต่อาจารย์ก็มีความจริงใจที่จะช่วยให้พวกเราเก่งขึ้นและอาจารย์ก็ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งสิ่งที่ผมประทับใจมากก็คือเมื่อตอนที่อาจารย์ส่ง mail มาแจ้งข่าวให้ผมเกี่ยวกับ discussion board ว่าที่ไม่มีให้ใช้เพราะอะไร ซึ่งแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอาจารย์ก็ยังดูแลเอาใส่ใจให้ผม และยังต้องกลับบ้านมืดอีกต่างหากเพราะมัวแต่ให้คำแนะนำกับผมและเพื่อนที่ทำเรื่องคล้ายๆกัน เรียกได้ว่าอยู่จนตึกจะปิดเลยก็ว่าได้ มาถึงตรงนี้ผมได้สิ่งดีๆจากอาจารย์เยอะมากเพื่อที่จะเอาไปสอนลูกศิษย์ผมต่อและคาดว่าลูกศิษย์ผมก็คงเอาสิ่งเหล่านี้ไปสอนกันต่อๆไปอย่างไม่รู้จบ